CHAYANIN : พี่อิ๊กครับ การเรียน-สอนพิเศษอย่างบ้าคลั่ง เป็นปัจจัยหรือเป็นผล กับความล้มเหลวของระบบการศึกษาครับ
อิ๊ก : เป็นปัจจัยกับเป็นผลต่างกันยังไงหรอ
CHAYANIN : หมายถึงว่า การที่มีการเรียนพิเศษอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ มีส่วนทำให้ระบบการศึกษาล้มเหลว หรือจริงๆ แล้ว เพราะระบบการศึกษาล้มเหลว มันเลยเกิดขึ้นครับ
อิ๊ก : ที่จริง พี่ว่ามันส่งผลทั้ง 2 ทาง แต่ว่าพี่ว่ามันเกิดจากโครงการของระบบก่อนแล้วทำให้เกิดขึ้น
CHAYANIN : คือคิดว่ามันน่าจะเป็น cycle?
อิ๊ก : จะลองอธิบายความคิดดูนะ
- หลักสูตร ไม่สามารถ ทำให้เด็กหาความรู้ได้เองนอกห้องเรียนได้ ในขณะที่ความรู้พื้นฐานสำหรับการเอนทรานซ์นั้นเยอะมาก
- ธุรกิจกวดวิชา(ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรียนในห้อง) จึงตอบโจทย์ของตลาด
- เด็กที่ศรัทธาต่อระบบการเรียนแบบนี้ ก็จะ
* คิดว่าการเรียนในห้องวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด (ซึ่งก็จริงในแง่ที่ว่าเพื่อสอบ) แต่พี่ว่า มันยังมีองค์ความรู้แบบอื่นๆ อีกมากที่ จะได้มาจากการลงมือทำจริงๆ การสั่งสมบางอย่าง
* ทักษะการหาความรู้ด้วยตัวเองค่อนข้างแคบ และคิดว่าความรู้มีอยู่ในส่วนแคบๆ ไม่ใช่รอบตัว - มันจะมีผลเป็น cycle ก็ต่อเมื่อ คนที่มีกระบวนทัศน์แบบนี้มาเป็นผู้ออกแบบหลักสูตร
อิ๊ก : อย่างวิธีการสร้างความรู้จากการอภิปรายหาหนทางการแก้ปัญหาเนี่ย พี่ว่ามันเรื่องที่น่าปลูกฝังมากๆ เพราะน่าจะใช้ในชีวิตจริง และยังช่วยเรื่องการรับฟังความเห็นคนอื่น
อิ๊ก : อารมณ์แบบมีคนเสนอ thesis การแก้ปัญหา แต่มีคนไม่เห็นด้วย antithesis คุยอภิปรายไปมาได้ข้อดีมารวมกันเป็น synthesis อะ
อิ๊ก : รู้สึกว่าอะไรแบบนี้จะมีสอนแค่ในมหาลัยบางคณะ ที่พี่รู้สึกว่าได้มาก็จากการประชุมในงานกิจกรรมต่างๆ ไม่มีในหลักสูตร
อิ๊ก : สรุปก็คือว่า ถ้าหลักสูตรเสนอวิธีการหาความรู้ให้เด็ก ได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพ พอที่เด็กจะหาความรู้ได้เองจนเพียงพอต่อการเอนท์ น่าจะแก้ปัญหาได้
CHAYANIN : โอ้ ขยันมากครับ
อิ๊ก : – –
อิ๊ก : คิดว่าไงอะ
CHAYANIN : คือผมคิดว่า ทรัพยากรทางการศึกษาในระบบไม่เพียงพอ บวกกับระบบหลักสูตรที่ไม่เอื้ออำนวยกับการเรียนรู้ จึงเกิดระบบการเรียนพิเศษขึ้นมา แต่เมื่อมันเกิดและกลายเป็นกระแสอย่างบ้าคลั่งแบบตอนนี้แล้ว มันก็ย้อนกลับไปทำร้ายตัวระบบด้วย
CHAYANIN : ยิ่งมีคนเรียนพิเศษมาก ก็ยิ่งดึงดูดคนมากขึ้นไปอีกให้มาเรียนพิเศษ
อิ๊ก : อืมเห็นด้วย
CHAYANIN : ระบบปัจจุบัน ก็เลยมีอคติให้กับคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูง มีทรัพยากรที่จะนำมาใช้ตรงนี้ได้มากกว่า ทำให้สุดท้ายแล้ว แนวโน้มของคนที่เข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็จะเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงกว่า ในขณะที่กลุ่มคนชั้นล่างก็ไม่สามารถ afford การเรียนในมหาวิทยาลัยได้ ก็จะยิ่งเพิ่ง gap ทางสังคมและเศรษฐกิจ และสร้างปัญหาให้กับระบบการศึกษาเองด้วย
อิ๊ก : มันจะมีวิธีการอะไรอีกหรือเปล่า ที่serveคนชั้นล่าง นอกจากการปรับหลักสูตรมตราฐานในโรงเรียน ให้เรียนเองได้(อย่างที่พี่บอกไป)
อิ๊ก : ที่บอกว่าการที่คนชั้นล่างไม่ afford มันสร้างปัญหากับระบบการศึกษาอะไรบ้างหรอ นอกจากเพิ่ม gap ในสังคม
CHAYANIN : ผมว่ามันทำให้ academic community มีแนวโน้มเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจสูง การเรียนรู้จากทั้งในหลักสูตรและในชุมชนก็จะไปในแนวทางนั้น และยิ่งมีความรู้ความเข้าใจที่ออกห่างจากสภาพความเป็นจริงมากขึ้นไปอีก
อิ๊ก : อื้อ…. จริงมากๆ
CHAYANIN : คือ ตอนนี้กำลังคิดอยู่ เพราะกำลังพิจารณาเรื่องการสอนพิเศษ
CHAYANIN : ก็เลยแบบ รู้สึกว่าตัวเองเคยต่อต้านระบบการเรียนพิเศษ
อิ๊ก : แอบคิดว่าเราใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ในชุมชนการศึกษา น้อยมากๆ เลย (โดยเฉพาะวิศวะ — หรือมันไม่มีทางกันนะ)
อิ๊ก : ถ้ามองเชิงปัจเจก พี่ว่าการสอนพิเศษเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การสร้างคนฉลาด 1 คนในคนโง่ 10 คน น่าจะดีกว่าปล่อยไว้เฉยๆ หว่ะ
CHAYANIN : คือ ก็มองในมุมนั้นเหมือนกัน
CHAYANIN : แต่แบบ ได้คุยกับรุ่นพี่คนนึง เค้าบอกว่า เค้าไม่สอนพิเศษ เพราะเค้ามองว่ามันทำให้ระบบการศึกษามันยิ่งล้มเหลว
อิ๊ก : ยังไงก็ตาม สิ่งที่ควรทำสุด คือ หาทางเปลี่ยนแปลงแก่น ของหลักสูตร // อืม…
CHAYANIN : อื
CHAYANIN : คือ ลองมองๆ ไว้อยู่ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะลองสอนพิเศษดู
อิ๊ก : ถ้าประเทศไทยไม่มีกวดวิชาเลยก็คงจะแย่กว่านี้อีก มหาลัยจะต้องปรับหลักสูตรให้อ่อนลงอีก การมีกวดวิชาแบบนี้กลับเป็นการกระตุ้นให้คนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับหลักสูตรให้เด็กเรียนรู้เองได้บ้าง
CHAYANIN : อืม ครับ
อิ๊ก : ว่าแต่ “มันจะมีวิธีการอะไรอีกหรือเปล่า ที่serveคนชั้นล่าง นอกจากการปรับหลักสูตรมตราฐานในโรงเรียน ให้เรียนเองได้(อย่างที่พี่บอกไป)”
อิ๊ก : (พี่ก็กำลังหาที่เรียนพิเศษ ภาษาอังกฤษ ฮาๆ เพราะขี้เกียจศึกษาเองหว่ะ)
CHAYANIN : คือยังนึก solution ไม่ออก รู้แต่ว่าต้นทุนมันสูงกว่ามากอ่ะครับ
อิ๊ก : ชอบ dialogue ประเทืองปัญหาแบบนี้จัง
CHAYANIN : แบบไหนครับ
อิ๊ก : แบบที่ได้ เรียบเรียงความคิดตัวเองกับได้มุมมองที่ลืมมองไป
CHAYANIN : จริงครับ