คำหนึ่งคำ

เธอ : ขอ คำหนึ่งคำ ได้ไหม

เขา : (มองเธอ วันนี้เธอดูสวย ดวงตาคู่นั้นทอประกาย)

เธอ : …

เขา : …

เธอ : ฮอตดอกหน่ะ ขอกินหน่อยสิ

เขา : อ่อ ได้สิ

ปล. จำลองเหตุการณ์จริง เพียงแต่ว่าเขากับเธอ เป็นผู้ชาย
ปล.2 ข้อมูลใน notebook หายหมด จบกัน…

ประเทืองกับต้นส้มแสนรัก

*~~ อรุณเบิกฟ้า นกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใส เราเบิกบานรีบมาเร็วไว ยิ้มรับวันใหม่ ยิ้มให้แก่กัน~~*

ทุกอย่างเป็นปกติ ไก่ขันไปตั้งแต่รุ่งสางแล้ว ถึงเวลานี้ถนนหนทางต่างๆภายในเมืองหลวงนี้ ก็เต็มไปด้วยรถราแน่นขนัดเหมือนกับทุกวัน ตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งด่วนของหลายต่อหลายคน บนท้องถนนทั่วเมือง 

แต่ไม่ใช่ของ ประเทือง

แปดโมงเช้าวันอังคาร 
ไม่มีสิ่งใดมาทำลายความสบายของเขาได้ ประเทืองหลับสนิท ไม่มีภาระ ไม่มีหน้าที่ ไม่ต้องรีบเร่งเหมือนกับเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย
ไม่ต้องสงสัย 

เขาตกงาน

เก้าโมงเช้าวันอังคาร
ประเทืองตื่นขึ้น  
พร้อมกับ ความทรงจำสีจาง 

“ไม่ได้ให้ปุ๋ย ต้นส้มแสนรัก มานานแล้วนะเนี่ยเรา” เขาคิด และตัดสินใจเดินตลาดทันใด
“เอ่อ คุณครับ ขอประทานโทษ–” 
คนขายปุ๋ยหันหน้ากลับมา “ว้าย!…. ”  ไม่รู้เป็นอะไร ตะโกนดังมาก
“เอ่อ ผมจะมาขอซื้อ–”
“ว้าย!! ”
“เป็นอะไรหรือปะ เปล่…”
“ว้าย!!! นี่มันประเทืองนี่หว่า…  ว้าย ว้าย ว้าย นี่มันประเทืองนี่หว่า…” และก็ร้องเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

เขาคิดว่า คงจะไม่สามารถ ซื้อปุ๋ยที่นี่แล้ว เพราะคนขายสติแตกแบบนี้ ตัดสินใจนั่งเครื่องบินไปอเมริกาทันที

“Good morning”
“Good morning อ้าว คนไทยหรือเปล่า!! สวัสดี ผมชื่อบังรอน เคยหากินอยู่ที่เมืองไทยนั้นแหล่ะ ตอนนี้สบายแล้ว จะซื้อปุ๋ยให้ต้นส้มแสนรักละสิใช่ม้า  50 บาท” 

ประเทืองจ่ายเงินไป และคิด 
คนขายคนนี้หน้าตาคุ้นมาก เขาคุ้นว่า เคยเห็นบังรอนในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งที่ไหนมาก่อน แต่ก็ไม่คิดอะไรต่อ
“โชคดีเด้อ แล้วมาอุดหนุนบ่อยๆนะ” บังรอนส่งถุงปุ๋ย เกรดปุ๋ยเขียนไว้ไม่ค่อยชัดว่า 15-15-15 เขาส่งให้ประเทือง

ประเมืองรับปุ๋ยมาอย่างไม่คิดมากแล้วหันหลังนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทยบัดเดี๋ยวนั้น 
“หึหึหึ…” รอยยิ้มกริ่มพร้อมกับเสียงเค้นหัวเราะเบาๆของชายผู้เคยอยู่บนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง 

 ประเทือง หนอ ประเทือง คงเป็นเพราะพรหมลิขิตมา ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นรอยยิ้มปิศาจ และร่องรอยแปลกประหลาดบนเกรดปุ๋ยได้เลย…

ระหว่าง flight
ประเทืองฉุกคิดอะไรได้บ้างอย่าง!!  เขาตกใจกับความคิดนี้จนกระโดดลุกขึ้นหัวชนที่ใส่กระเป๋าเหนือหัวในเครื่อง ทุกคนหันมามอง รู้สึกอายนิดหน่อยจึงรีบนั่งลง

“ทำไมที่อเมริกาใช้เงินบาท” 
เขาคิด และผลอยหลับไปทันที


 
“จะขอ ก็รีบขอ อย่ารอ ให้ถึงปีหน้า ของอื่นเขาขึ้นราคา แต่ค่าตัวน้องรับรองยังเหมือนเดิม~~* ”
ประเทืองชอบร้องเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเป็นที่สุด 

และ… ถึงบ้านแล้ว เขาตัดสินใจใส่ปุ๋ย รดน้ำ ต้นส้มแสนรัก ของเขาตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง ด้วยความชำนาญระดับพระกาฬ และด้วยความรักเป็นที่สุด
เสร็จแล้ว จูบต้นส้มของเขาหนึ่งที และเข้านอน

 
แปดโมงเช้าวันอังคาร ของสัปดาห์ต่อมา
ประเทืองตื่นขึ้นมาความกับความสดใส รีบเดินลงบันไดเพื่อลุ้นจะเห็นความรุ่งโรจน์ของต้นส้มที่ได้รับปุ๋ยของเขา

แอ้ด.ด..ด…. เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก พ่อของประเทือง– ประทุม เดินออกมา 
“พ่อท้องผูก นั่งนานไปหน่อย” 
เขาไม่สนใจ เดินออกไปหลังบ้าน ไปสู่สุดที่รัก
 
!

นี่คือความตกใจ
ประเทือง สะดุ้งลงไปนอนดิ้นกระแด่วๆ 3 ทีพร้อมกับอุทานอย่างเป็น ธรรมชาติที่สุดว่า 
“โอ้ว ทำไมต้นส้มแสนรักของเราถึงมีอาการดังนี้ 1. ใบอ่อนมีสีเหลืองระหว่างเส้นใบ แต่เส้นใบมีสีเขียว 2.เนื้อเยื่อใบตาย 3.ขอบใบไหม้ ต้มส้มแสนรักของข้า ทำไมถึงอยุ่ในสภาพเช่นนี้”

หลังจากอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลย เขาก็ตั้งสติได้ 
ภาพรอยยิ้มปิศาจของบังรอนแห่งอเมริกา โผล่ขึ้นมาในสมอง
ประเทืองกระโจนพุ่งไปดูร่องรอยแปลกประหลาดที่เกรดปุ๋ย 
“มันจะต้องไม่ใช่เกรด 15-15-15 ที่เหมาะสมเป็นแน่” เขาคิด
ความโกรธปะทุออกมาจากจิตใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
กราดสายตาหารอยลบ จากเลข 4 กลายเป็น เลข 1 อย่างว่องไว

ในที่สุด ภาพเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็ต้องประทับติดความทรงจำสีจางของเขาไปชั่วชีวิต
 
 คำถาม::
 เกรดปุ๋ยที่ประเทืองเห็นคืออะไร
 ก. 45-15-15
 ข. 15-45-15
 ค. 15-15-45
 ง. ถูกทุกข้อ


หวังว่าจะสนุกกับเรื่องนี้บ้างนะ แล้วก็ตอบคำถามดูให้ได้หล่ะ อิอิพูดถึงเรื่อง ต้นส้มแสนรัก
เรื่องนี้เป้นเรื่องที่ผมเคยอ่านตอนเด็กมากๆ แล้วเพิ่งกลับมาอ่านอีกครั้งไม่นานมานี้
ต้นส้มแสนรักเป็นหนังสือจากละตินอเมริกา ซึ่งสามารถสัมผัสได้จากการได้อ่านด้วย
มีคนกล่าวไว้ว่า หนังสือของละตินอเมริกานั้นมีกลิ่นที่เฉพาะตัว
หนังสือดีครับ แนะนำๆ
เป็นหนังสือที่ น้อยคนจะไม่เสียน้ำตาให้กับมัน

ช็อกโกแลตบุฟเฟ่ห์ (เริ่มพิมพ์วันที่14)

ขณะนี้ที่ผมกำลังพิมพ์ตัวอักษรตัว”นี้”ขึ้นมาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เลขบริเวณมุมล่างขวาของหน้าจอบอกกลับมาว่า เวลาได้ล่วงเลยมาถึง 23:44 แล้ว…

ผมเดินทางกลับถึงบ้านมาเมื่อประมาณ 15 นาทีที่ผ่านมา

…และวันนี้คือวันสุดพิเศษของชีวิต

ตื่นแต่เช้าด้วยความแปลกใจเพราะว่าไม่รู้สึกง่วงงัวเงียไปหลับในห้องน้ำเหมือนวันอื่น อาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ขนมปังเนยสด1ก้อนกับน้ำ1แก้วสำหรับอาหารเช้าระหว่างแวะอ่านคอลัมน์ดูดวงประจำสัปดาห์ เดินทางออกจากบ้านไปที่ป้าวรถเมล์ นึกตะโกนในใจว่า เฮ้ย! วันนี้มีมื้อเย็นเป็นช๊อคโกแลตบุฟเฟ่ห์ที่โรงแรมเพนนินซูล่า แล้วมองดูกางเกงขาสั้นของตัวเอง… มื้ออาหารบุฟเฟห์ที่โรงแรม… กางเกงขาสั้น… โรงแรม…

ช่วงเวลาตั้งแต่เช้าถึง5โมงครึ่งหมดไปกับการเตรียมประชุมใหญ่ของชมรมวิชาการ เพื่อชี้แจงโครงสร้างของชมรมใหม่ ให้สมาชิกชมรมเลือกฝ่ายที่จะสังกัด และเรื่องปลีกย่อยอื่นๆ เตรียมประชุมเสร็จ เดินทางมาจากบ้านพี่นัทไปสู่ TOP Supermaket เพื่อหาซื้อน้ำมะนาว “กรดไซตริกของน้ำมะนาวจะช่วยทำให้โกโก้บัตเตอร์จากช็อกโกแลตที่เรากินหลุดไป จะทำให้หายเลี่ยนและรู้สึกอยากกินขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง อย่าดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ…” พี่ป่านกล่าว  เรา(ผม พลับ ป๊อป)หาซื้อน้ำมะนาวไม่ได้จึงซื้อน้ำส้มแทน ซึ่งสอบถามพี่ป่านแล้วได้รับการยืนยันว่าใช้แทนกันได้

เรานั่งแท็กซี่ไปกัน3คน เมื่อถึงโรงแรม เดินเข้าไป ถามทางจนไปถึงห้องอาหารที่หมายเสียที พนักงานต้อนรับเข้ามาหา ผมพอจะสังเกตได้ถึงความรู้สึกอ้ำอึ้ง เดินไปเรียกพนักงานอีกคนเดินมาหาเราเป็นผู้ชายผมเรียบแปล้ และพูดขึ้นอย่างดูมีมารยาทเป็นที่สุด

“เอ่อ น้องครับ เอ่อที่นี้ จะประมาณ smart style นะครับ กางเกงของน้องขาดูจะสั้นไป..”

เฮือก! สิ่งที่คิดไว้ตอนเช้าดูจะย้อนมาเป็นฉากๆ แล้วจะทำอย่างไรดี พลับถามกลับไปว่าที่นี้มีกางเกงให้ยืมเปลี่ยนไหม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นไปอีก ชีวิต… เกิดมาไม่เคยอับอายแบบนี้มาก่อน ดูอย่างไรทางนั้นก็ไม่ยอมให้เข้าไป จึงจบลงด้วยการเดินออกจากโรงแรมไป… “แถวคลองสานมีตลาดนัดขายเสื้อผ้านะคะ” พนักงานต้อนรับส่งท้าย…

เรื่องแค่นี้ไม่มีทางทำให้เรา 3 คนอายไม่กล้ากลับเข้าไปกินใหม่แน่นอน ผมถามทางไปตลาดที่ว่าจากยามหน้าประตูทางเข้าโรงแรม เดินตรงไปประมาณ 3 ป้ายรถเมล์ หาร้านขายกางเกงอยู่เกือบ 10 นาที ตัดสินใจ 15 วินาทีในการเลือกกางเกงยีนส์ตัวหนึ่งซึ่งเป็นเสื้อผ้าชิ้นแรกที่ผมตัดสินใจจับจ่ายด้วยตัวเอง 199 บาทจากพลับจ่ายไป เมื่อเปลี่ยนกางเกงเสร็จ เรา3คนก็มุ่งตรงสู่ช็อกโกแลตบุฟเฟ่ห์ที่เตรียมตัวเตรียมใจจะมาอยู่เกือบเดือนอีกครั้ง

ระหว่างเดิน กางเกงยีนส์เอว 32 ค่อยๆตกลงมาทำให้ผมเดินไม่ถนัด ผมเริ่มบ่นอยากได้เข็มขัด มีข้อเสนอว่าให้ใช้เชือกฟางแบบพี่ธีรัชก็ได้สะดวกดี ผมรู้สึกอนาถและแอบดีใจเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมีเชือกฟาง…และแล้วพลับล้วงเป้ และหยิบสายUSBออกมา!

เอาวะ! หลังจากโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านผมเริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสีย สายUSBถูกร้อยรอบตัวต่างเข็มขัด ผมเดินต่อไป ความรู้สึกละอายต่อฟ้าดินยังมีแต่ก็รู้สึกกระฉับกระเฉงดีขึ้นจริงๆด้วย

“สวัสดีคะ เชิญทางนี้เลยคะ” พนักงานต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่แน่ใจว่ามีความรู้สึกอย่างไรอยู่ภายใน เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ผมสังเกตว่าทุกๆอย่างดูมีระดับ และรู้สึกถูกต้องแล้วที่ไปเปลี่ยนกางเกง หวังอย่างแรงกล้าว่าจะมีไม่ใครเห็นเข็มขัดที่ใส่อยู่ เข้าประจำโต๊ะและเดินไปตักบุฟเฟ่ห์ที่รอคอย

ผมเกือบหยิบช็อกโกแลตชิ้นๆใส่จาน หลังจากชี้นิ้วไปที่นั้นเพื่อปรึกษากับป๊อปว่าหยิบได้เลยใช่ไหม …มันคือ”ฟองดู”ครับ เอ๊ะหรือ “ดูฟอง” ผมเองไม่แน่ใจ  ก่อนหยิบ พนักงานประจำโต๊ะตักอาหารเดินไปเปิดกระปุกที่ตั้งอยู่ด้านหลังถัดจากช็อกโกแลตชิ้นตัวอย่างและตักช็อกโกแลตเหลวออกมาจากกระปุกใส่แก้ว ที่แท้ช็อกโกแลตชิ้นๆก็เป็นช็อกโกแลตตัวอย่างของช็อกโกแลตเหลวในกระปุก รู้สึกโชคดีที่ยังไม่ได้หน้าแตกหยิบช็อกโกแลตตัวอย่างมาใส่จาน  ผมหยิบอะไรมั่วๆใส่จานมาเพื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ กะตักช็อกโกแลตเหลวกินเปล่าๆอย่างสะใจ มารู้ภายหลังจากพลับว่า ปกติจะต้องตักผลไม้เพื่อมาจิ้มช็อกโกแลตเหลวแล้วกิน

มีเรื่องเปิ่นๆเกิดขึ้นมากมาย ป๊อปคิดว่าช็อกโกแลตแก้วหนึ่งเป็นน้ำจิ้มสำหรับอีกอันหนึ่งและจิ้มลงไปจริงๆ ทั้งที่แท้จริงแล้วนั้นใช้ซด ขณะที่ผมใช้ช้อนตักช็อกโกแลตแก้วนั้นกิน อาหารที่นี้ช่างพยายามทำทุกๆอย่างให้เป็นช็อกโกแลต เกี๊ยวช็อกโกแลต ซูชิช็อกโกแลตซึ่งมีน้ำจิ้มซูชิที่เป็นช็อกโกแลตด้วย เมื่อลองกินดูแล้วจะพบว่าเป็นข้าวเหนียวใส่ช็อกโกแลต ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวหลาม มีอาหารฝรั่งที่เป็นช็อกโกแลตแปลกๆอีกมากมาย แม้กระทั้งชั้นที่ตั้งอาหารบนโต๊ะยังทำมาจากช็อกโกแลต เรา 3 คนลิ้มลองแทบทั้งหมดยกเว้นชั้นวางอาหาร และพบกับอะไรก็ไม่รู้ที่เปรี้ยวมากเหมือนของเน่า จะแหว่ะก็กลัวถูกไล่ออกไปนอกร้านอีก โดยรวมแล้วถือว่าประทับใจคนชอบช็อกโกแลตเป็นที่สุด …มีจุดที่แปลกอย่างหนึ่ง ไอศกรีมที่นี้กลับเป็นรสถั่ว

ในช่วงแรกที่กินกันอยู่นั้น เราเกร็งกันมาก ซึ่งคงเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูหรูหรา และอาหารที่ไม่รู้วิธีว่ากินอย่างไร ป็อปลงทุนแวะเดินออกไปเพื่อไม่ให้ไอเสียงดังภายในห้อง ผมเองก็ไม่กล้าทำอะไร ระวังกิริยาตลอดเวลา เมื่อกินกันไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง เราเริ่มออกความเห็นว่า เมื่อดูท่าทางของโต๊ะอื่นๆแล้ว ก็คงสถานการณ์เดียวกันกับเรา  พยายามเก๊กทำเป็นรู้เรื่องและกินๆมันไป ต่อไปความเกร็งก็เริ่มหายไปเองเมื่อรู้วิธีกินแล้ว

บริการของที่นี้ประทับอยู่ในใจผมจนบัดนี้ คงเป็นเพราะไม่เคยสัมผัสความหรูหราที่พิถีพิถันเรื่องการบริการขนาดที่คอยเลื่อนเก้าอี้ให้ทุกครั้งที่ลุกและนั่ง คอยถามไถ่ว่าอาหารเป็นอย่างไรบ้าง พนักงานที่ดูแลนั้นยิ้มแย้มและดูเอาใจใส่ รอยยิ้มเพิ่มความสวยงามบนใบหน้าของผู้หญิงเสมอ

จนกระทั่งประมาณ 3 ทุ่ม 15 นาที มื้ออาหารแห่งความสุขเปลี่ยนเป็นวงสนทนาที่มีดนตรีแจ๊สคลอให้ฟังเพลินๆ ทุกคนเริ่มหยุดกินถาวร ผมรู้สึกไม่ต้องการช็อกโกแลตอีกแล้ว

เวลาผ่านไป… เรียกพนักงานเพื่อเก็บเงิน ถาดรับเงินของที่นี่มีฝาเปิดปิด เมื่อเปิดจะมีไฟสว่างสามารถอ่านตัวหนังสือได้ชัดเจน เมื่อปิดฝาบรรยากาศก็กลับเป็นแสงสลัวๆแบบภายในร้านอีกครั้ง นั่งฟังเพลงสักพัก แล้วออกฟังเพลงชมวิวที่โต๊ะอีกจุดหนึ่งของโรงแรม จนรู้สึกหายอิ่มเดินได้สะดวกแล้ว เรา 3 คนก็เดินทางกลับ

เป็นวันที่สุดพิเศษ

เป็นวันแรกที่ได้กินบุฟเฟ่ห์ช็อกโกแลต เป็นวันแรกที่โดนพนักงานปฏิเสธห้ามเข้าเพราะกางเกงขาสั้น เป็นวันแรกที่ซื้อเสื้อผ้าด้วยตัวเอง เป็นวันแรกที่ใช้สายUSBต่างเข็มขัด เป็นวันที่ประทับใจในบริการของพนักงานที่สุด ถึงแม้ว่าในราคาจะคิดค่าบริการ10% และภาษีอีก7% ประสบการณ์แปลกใหม่ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวอย่างไม่คาดคิดสร้างสีสันให้วันนี้ไม่เหมือนวันอื่น วันหนึ่งของการได้มากินอาหารดีๆกับเพื่อนดีๆ

วันนี้ผมมีความสุข

ปล. ขณะนี้ที่ผมกำลังพิมพ์ตัวอักษรตัว”นี้”ขึ้นมาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เลขบริเวณมุมล่างขวาของหน้าจอบอกกลับมาว่า เวลาได้ล่วงเลยมาถึง 2:57 ของวันใหม่แล้ว…