ไม้แคะหู

สดับเพลงเพียงเพื่อเข้า               ในใจ
เดินดิ่งดำลึกไกล                      สู่บ้าน
สุขทุกข์ที่ทนใด                       ถามไถ่
ฟังผ่าน-เพลงสักล้าน                  ต่างไม้แคะหู

เวลาอยู่บ้านผมชอบฟังเพลงแบบตั้งใจ มันทำให้เราได้นั่งนิ่งๆ หลับตาและปล่อยความรู้สึกไปตามเพลง รับรู้ความรู้สึกที่กำลังรู้สึก  มีหลายๆ ครั้งที่เพลงที่ฟังนั้นกระทบความรู้สึกมากและทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์งานอะไรออกมาต่อ

แต่ผมไม่ค่อยได้เห็นหรือรับรู้ว่าใครที่รู้จัก ชอบตั้งใจฟังเพลงเท่าไหร่หน่ะครับ  ก็อยากจะชวนกันมาตั้งใจฟังเพลง(ที่จริงควรจะมีเครื่องเสียงที่ดีซักหน่อยด้วย) รับรู้รายละเอียดของเสียงทุกเสียงเท่าที่จะฟังออกว่าคนเรียบเรียงบางคนเค้าละเมียดละไมขนาดไหน ดำดิ่งลงไปตามแบบในโคลง 55  ไม่อย่างนั้นเพลงที่เรามีก็จะเป็นแค่ไม้แคะหูให้หูเราสบายเล่นเท่านั้นจริงๆ

ปล. ชีวิตนี้แต่งโคลงมาไม่ถึง 10 บท  แต่ 3 บทที่ภูมิใจมากอยู่ที่นี่ครับ “เสา… ที่เรา… ตั้งขึ้นมาเอง…”

ทำไมรู้สึก

จินนี่ : ทำไมคนตายแล้วต้องเสียใจ เสียใจเพราะอะไร…
จินนี่ : เราเสียใจที่ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หรือเพราะอะไรอีกอะ

อิ๊ก : ไม่ที่พึ่งทางตรงก็ทางอ้อมอะ
อิ๊ก : ถ้าไม่ใช่ที่พึ่งพา คนเราก็คงไม่เสียใจเท่าไหร่
อิ๊ก : มันจะเป็นความคิดแบบอุดมคติมากกว่า
อิ๊ก : แบบเวลาดู nuclear ลงแล้วหดหู่ที่คนตายเยอะ
อิ๊ก : (ที่จริงที่คนรู้สึกแย่ ก็อาจจะเพราะคิดอยู่ว่า ถ้าตัวเองโดนแบบนี้แล้วก็แย่เลย เลยรู้สึกแย่)

จินนี่ : อืมม… ความเศร้าเสียใจมีเหตุผล
จินนี่ : แล้วความเกลียดกับความรักมีเหตุผลเปล่านะ

อิ๊ก : เราว่าทุกความรู้สึกมีเหตุผล(คืออธิบายที่มาที่ไปได้)หมดแหล่ะ
อิ๊ก :
เมื่องั้นธรรมชาติคงไม่พัฒนามันขึ้นมาหรอก
อิ๊ก :
แต่ถึงงั้น.. เราไม่จำเป็นต้อง ไม่อิน กับความรู้สึกของเรา
อิ๊ก : (อย่างความรักเงี้ย) เพราะเรารู้สึกจริงๆ
อิ๊ก : ความมีที่มาที่ไปมันพัฒนาไปให้เป็นความรู้สึกอัติโนมัติแล้ว
อิ๊ก : หรือความเสียใจ ความเกลียด จะทำให้หายไปด้วยเหตุผลก็ยาก
อิ๊ก : ความรู้สึกมันต้องลบด้วยความรู้สึก

ก็เป็นบทสนทนาที่ดูคมดีครับ ฮา… ประเด็นที่จะบอกก็คือ ผมเชื่อว่าทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานั้น
สามารถอธิบายได้ด้วยการเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เสมอ

มีความรู้สึกอะไรบ้างไหม ที่อธิบายด้วยเหตุผลนี้ไม่ได้… ช่วยบอกมาหน่อยสิครับ

เสียงของความรู้สึก

หลายๆครั้ง เวลาที่ผมมีความรู้สึกถึงอะไรมากๆ ไม่ว่าจะตื้นตัน อัดอั้น เอ่อล้น
สำหรับผม การแต่งเพลงเป็นเหมือน การแปลงความรู้สึก ให้ออกมาเป็นตัวเป็นๆที่เราได้ยินเสียงของมันได้
เวลาที่ผมรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว เสียงเพลงที่บรรเลงออกมาไม่ได้ทำให้คลายความเหงาเท่าไหร่
แต่มันทำให้ผมรู้สึกได้ว่า แม้จะเป็นความรู้สึกที่เศร้าที่สุด มันก็ยังดีกว่าไม่มี
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือมันทำให้มีเราผลงานออกมาให้ฟังได้ 555

แม้ความเศร้า ก็ยังโรแมนติกดี ที่วันหนึ่งเราได้เศร้าลึกซึ้งกับเรื่องๆ หนึ่ง
คนเราจะมีอะไรหล่ะครับที่เป็นของเราจริงๆ นอกจากความรู้สึก (เขียนแล้วนึก ทางพุทธที่บอกว่า “สัญญา”(หรือศัพท์อื่นอะไรซักอย่าง) ก็คือสิ่งที่เราปรุงแต่ง 555 แต่ผมไม่ได้จะนิพพานนี่ ไม่รู้ไม่ชี้)
ผมรู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่น่าทำ กับการดำดิ่งเข้าไปในความรู้สึก
เพราะความคิดแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าเริ่มจะอ่อนไหวกับอะไรๆ รอบตัวมากขึ้นๆ
คนอ่อนไหว จะเป็นคนที่รู้สึกถึงอะไรต่างๆ ได้มากกว่าคนอื่น ผมนิยามเอาเองแบบนี้
และความรู้สึกมากมายที่มี จะเป็นแรงบัลดาลใจได้ดี สำหรับการกวี
แต่บางครั้ง คนที่”อ่อนไหว” ก็ใกล้เคียงกับคนที่”อ่อนแอ”
บางที ก็รู้สึกว่า ผมนี่ช่างอ่อนแอ…
ซึ่งมัน แย่นะ

กลับมาเรื่องเพลง
สำหรับผม แต่งเพลงคล้ายๆแต่งกลอน แต่สื่อได้ดีคนละแบบ
จุดประกายแรกที่ทำให้แต่งเพลงได้ ก็คงเพราะ แต่งกลอนได้ บวกกับ ฮัมทำนองมั่วไปเองไหว แล้วมันก็กลายเป็นเพลงของเรา เย่ ง่ายจัง 555
อืมม… ก็ไว้เล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่าน blog ครั้งต่อๆไปใน category นี้ละกัน
ฉะนั้นก็ถือโอกาสเปิด category ใหม่ชื่อ Mind’s Melody ครับ
เป็นที่สำหรับเอาเพลงที่แต่งๆไว้ ขึ้นมาเป็นโอกาสๆไป
เขียนๆ ไป ก็รู้สึกขัดๆ
ตัวเองไม่ได้เก่งอะไรเล้ย อ่อนหัดนัก แต่ยังจะเอามาอวด แต่ก็นะครับ ผมก็แค่คนๆหนึ่ง เอาไรมาก
ฟังกันขำๆ
พูดถึง ใครมี idea บ้างว่า ผมจะเอาเพลงขึ้นมาให้ได้ฟังใน spaces นี่ได้ยังไงดี เมื่องั้นก็จะกลายเป็น อ่านเนื้อกันเซื่องๆเลยต่อไปนี้
ใครรู้ช่วยบอกทีนะครับ

เออ สุดท้าย ก็ขอเปิดเผย ความรู้สึกของผม ลงตรงบรรทัดสุดท้ายว่า
ผมชอบแต่งเพลงอะครับ
(เพื่อไรวะ!)

ปล. อยากรู้จัง ว่าพลังงานกับข้าวที่กินเข้าไปทุกวันๆ (และขนมมากมายที่ยัดเข้าท้องทุกคืนๆ) นี่มันไปอยู่ไหน แทบจะไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นปีแล้ว ทำไมไม่อ้วนนะ มันแปลกดีเน่อะ
ปล.2 เขียนแบบนี้มีคนอิจฉาป่าววะ