ช็อกโกแลตบุฟเฟ่ห์ (เริ่มพิมพ์วันที่14)

ขณะนี้ที่ผมกำลังพิมพ์ตัวอักษรตัว”นี้”ขึ้นมาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เลขบริเวณมุมล่างขวาของหน้าจอบอกกลับมาว่า เวลาได้ล่วงเลยมาถึง 23:44 แล้ว…

ผมเดินทางกลับถึงบ้านมาเมื่อประมาณ 15 นาทีที่ผ่านมา

…และวันนี้คือวันสุดพิเศษของชีวิต

ตื่นแต่เช้าด้วยความแปลกใจเพราะว่าไม่รู้สึกง่วงงัวเงียไปหลับในห้องน้ำเหมือนวันอื่น อาบน้ำแต่งตัวใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ขนมปังเนยสด1ก้อนกับน้ำ1แก้วสำหรับอาหารเช้าระหว่างแวะอ่านคอลัมน์ดูดวงประจำสัปดาห์ เดินทางออกจากบ้านไปที่ป้าวรถเมล์ นึกตะโกนในใจว่า เฮ้ย! วันนี้มีมื้อเย็นเป็นช๊อคโกแลตบุฟเฟ่ห์ที่โรงแรมเพนนินซูล่า แล้วมองดูกางเกงขาสั้นของตัวเอง… มื้ออาหารบุฟเฟห์ที่โรงแรม… กางเกงขาสั้น… โรงแรม…

ช่วงเวลาตั้งแต่เช้าถึง5โมงครึ่งหมดไปกับการเตรียมประชุมใหญ่ของชมรมวิชาการ เพื่อชี้แจงโครงสร้างของชมรมใหม่ ให้สมาชิกชมรมเลือกฝ่ายที่จะสังกัด และเรื่องปลีกย่อยอื่นๆ เตรียมประชุมเสร็จ เดินทางมาจากบ้านพี่นัทไปสู่ TOP Supermaket เพื่อหาซื้อน้ำมะนาว “กรดไซตริกของน้ำมะนาวจะช่วยทำให้โกโก้บัตเตอร์จากช็อกโกแลตที่เรากินหลุดไป จะทำให้หายเลี่ยนและรู้สึกอยากกินขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง อย่าดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ…” พี่ป่านกล่าว  เรา(ผม พลับ ป๊อป)หาซื้อน้ำมะนาวไม่ได้จึงซื้อน้ำส้มแทน ซึ่งสอบถามพี่ป่านแล้วได้รับการยืนยันว่าใช้แทนกันได้

เรานั่งแท็กซี่ไปกัน3คน เมื่อถึงโรงแรม เดินเข้าไป ถามทางจนไปถึงห้องอาหารที่หมายเสียที พนักงานต้อนรับเข้ามาหา ผมพอจะสังเกตได้ถึงความรู้สึกอ้ำอึ้ง เดินไปเรียกพนักงานอีกคนเดินมาหาเราเป็นผู้ชายผมเรียบแปล้ และพูดขึ้นอย่างดูมีมารยาทเป็นที่สุด

“เอ่อ น้องครับ เอ่อที่นี้ จะประมาณ smart style นะครับ กางเกงของน้องขาดูจะสั้นไป..”

เฮือก! สิ่งที่คิดไว้ตอนเช้าดูจะย้อนมาเป็นฉากๆ แล้วจะทำอย่างไรดี พลับถามกลับไปว่าที่นี้มีกางเกงให้ยืมเปลี่ยนไหม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นไปอีก ชีวิต… เกิดมาไม่เคยอับอายแบบนี้มาก่อน ดูอย่างไรทางนั้นก็ไม่ยอมให้เข้าไป จึงจบลงด้วยการเดินออกจากโรงแรมไป… “แถวคลองสานมีตลาดนัดขายเสื้อผ้านะคะ” พนักงานต้อนรับส่งท้าย…

เรื่องแค่นี้ไม่มีทางทำให้เรา 3 คนอายไม่กล้ากลับเข้าไปกินใหม่แน่นอน ผมถามทางไปตลาดที่ว่าจากยามหน้าประตูทางเข้าโรงแรม เดินตรงไปประมาณ 3 ป้ายรถเมล์ หาร้านขายกางเกงอยู่เกือบ 10 นาที ตัดสินใจ 15 วินาทีในการเลือกกางเกงยีนส์ตัวหนึ่งซึ่งเป็นเสื้อผ้าชิ้นแรกที่ผมตัดสินใจจับจ่ายด้วยตัวเอง 199 บาทจากพลับจ่ายไป เมื่อเปลี่ยนกางเกงเสร็จ เรา3คนก็มุ่งตรงสู่ช็อกโกแลตบุฟเฟ่ห์ที่เตรียมตัวเตรียมใจจะมาอยู่เกือบเดือนอีกครั้ง

ระหว่างเดิน กางเกงยีนส์เอว 32 ค่อยๆตกลงมาทำให้ผมเดินไม่ถนัด ผมเริ่มบ่นอยากได้เข็มขัด มีข้อเสนอว่าให้ใช้เชือกฟางแบบพี่ธีรัชก็ได้สะดวกดี ผมรู้สึกอนาถและแอบดีใจเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมีเชือกฟาง…และแล้วพลับล้วงเป้ และหยิบสายUSBออกมา!

เอาวะ! หลังจากโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านผมเริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสีย สายUSBถูกร้อยรอบตัวต่างเข็มขัด ผมเดินต่อไป ความรู้สึกละอายต่อฟ้าดินยังมีแต่ก็รู้สึกกระฉับกระเฉงดีขึ้นจริงๆด้วย

“สวัสดีคะ เชิญทางนี้เลยคะ” พนักงานต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่แน่ใจว่ามีความรู้สึกอย่างไรอยู่ภายใน เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ผมสังเกตว่าทุกๆอย่างดูมีระดับ และรู้สึกถูกต้องแล้วที่ไปเปลี่ยนกางเกง หวังอย่างแรงกล้าว่าจะมีไม่ใครเห็นเข็มขัดที่ใส่อยู่ เข้าประจำโต๊ะและเดินไปตักบุฟเฟ่ห์ที่รอคอย

ผมเกือบหยิบช็อกโกแลตชิ้นๆใส่จาน หลังจากชี้นิ้วไปที่นั้นเพื่อปรึกษากับป๊อปว่าหยิบได้เลยใช่ไหม …มันคือ”ฟองดู”ครับ เอ๊ะหรือ “ดูฟอง” ผมเองไม่แน่ใจ  ก่อนหยิบ พนักงานประจำโต๊ะตักอาหารเดินไปเปิดกระปุกที่ตั้งอยู่ด้านหลังถัดจากช็อกโกแลตชิ้นตัวอย่างและตักช็อกโกแลตเหลวออกมาจากกระปุกใส่แก้ว ที่แท้ช็อกโกแลตชิ้นๆก็เป็นช็อกโกแลตตัวอย่างของช็อกโกแลตเหลวในกระปุก รู้สึกโชคดีที่ยังไม่ได้หน้าแตกหยิบช็อกโกแลตตัวอย่างมาใส่จาน  ผมหยิบอะไรมั่วๆใส่จานมาเพื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ กะตักช็อกโกแลตเหลวกินเปล่าๆอย่างสะใจ มารู้ภายหลังจากพลับว่า ปกติจะต้องตักผลไม้เพื่อมาจิ้มช็อกโกแลตเหลวแล้วกิน

มีเรื่องเปิ่นๆเกิดขึ้นมากมาย ป๊อปคิดว่าช็อกโกแลตแก้วหนึ่งเป็นน้ำจิ้มสำหรับอีกอันหนึ่งและจิ้มลงไปจริงๆ ทั้งที่แท้จริงแล้วนั้นใช้ซด ขณะที่ผมใช้ช้อนตักช็อกโกแลตแก้วนั้นกิน อาหารที่นี้ช่างพยายามทำทุกๆอย่างให้เป็นช็อกโกแลต เกี๊ยวช็อกโกแลต ซูชิช็อกโกแลตซึ่งมีน้ำจิ้มซูชิที่เป็นช็อกโกแลตด้วย เมื่อลองกินดูแล้วจะพบว่าเป็นข้าวเหนียวใส่ช็อกโกแลต ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวหลาม มีอาหารฝรั่งที่เป็นช็อกโกแลตแปลกๆอีกมากมาย แม้กระทั้งชั้นที่ตั้งอาหารบนโต๊ะยังทำมาจากช็อกโกแลต เรา 3 คนลิ้มลองแทบทั้งหมดยกเว้นชั้นวางอาหาร และพบกับอะไรก็ไม่รู้ที่เปรี้ยวมากเหมือนของเน่า จะแหว่ะก็กลัวถูกไล่ออกไปนอกร้านอีก โดยรวมแล้วถือว่าประทับใจคนชอบช็อกโกแลตเป็นที่สุด …มีจุดที่แปลกอย่างหนึ่ง ไอศกรีมที่นี้กลับเป็นรสถั่ว

ในช่วงแรกที่กินกันอยู่นั้น เราเกร็งกันมาก ซึ่งคงเป็นเพราะบรรยากาศที่ดูหรูหรา และอาหารที่ไม่รู้วิธีว่ากินอย่างไร ป็อปลงทุนแวะเดินออกไปเพื่อไม่ให้ไอเสียงดังภายในห้อง ผมเองก็ไม่กล้าทำอะไร ระวังกิริยาตลอดเวลา เมื่อกินกันไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง เราเริ่มออกความเห็นว่า เมื่อดูท่าทางของโต๊ะอื่นๆแล้ว ก็คงสถานการณ์เดียวกันกับเรา  พยายามเก๊กทำเป็นรู้เรื่องและกินๆมันไป ต่อไปความเกร็งก็เริ่มหายไปเองเมื่อรู้วิธีกินแล้ว

บริการของที่นี้ประทับอยู่ในใจผมจนบัดนี้ คงเป็นเพราะไม่เคยสัมผัสความหรูหราที่พิถีพิถันเรื่องการบริการขนาดที่คอยเลื่อนเก้าอี้ให้ทุกครั้งที่ลุกและนั่ง คอยถามไถ่ว่าอาหารเป็นอย่างไรบ้าง พนักงานที่ดูแลนั้นยิ้มแย้มและดูเอาใจใส่ รอยยิ้มเพิ่มความสวยงามบนใบหน้าของผู้หญิงเสมอ

จนกระทั่งประมาณ 3 ทุ่ม 15 นาที มื้ออาหารแห่งความสุขเปลี่ยนเป็นวงสนทนาที่มีดนตรีแจ๊สคลอให้ฟังเพลินๆ ทุกคนเริ่มหยุดกินถาวร ผมรู้สึกไม่ต้องการช็อกโกแลตอีกแล้ว

เวลาผ่านไป… เรียกพนักงานเพื่อเก็บเงิน ถาดรับเงินของที่นี่มีฝาเปิดปิด เมื่อเปิดจะมีไฟสว่างสามารถอ่านตัวหนังสือได้ชัดเจน เมื่อปิดฝาบรรยากาศก็กลับเป็นแสงสลัวๆแบบภายในร้านอีกครั้ง นั่งฟังเพลงสักพัก แล้วออกฟังเพลงชมวิวที่โต๊ะอีกจุดหนึ่งของโรงแรม จนรู้สึกหายอิ่มเดินได้สะดวกแล้ว เรา 3 คนก็เดินทางกลับ

เป็นวันที่สุดพิเศษ

เป็นวันแรกที่ได้กินบุฟเฟ่ห์ช็อกโกแลต เป็นวันแรกที่โดนพนักงานปฏิเสธห้ามเข้าเพราะกางเกงขาสั้น เป็นวันแรกที่ซื้อเสื้อผ้าด้วยตัวเอง เป็นวันแรกที่ใช้สายUSBต่างเข็มขัด เป็นวันที่ประทับใจในบริการของพนักงานที่สุด ถึงแม้ว่าในราคาจะคิดค่าบริการ10% และภาษีอีก7% ประสบการณ์แปลกใหม่ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวอย่างไม่คาดคิดสร้างสีสันให้วันนี้ไม่เหมือนวันอื่น วันหนึ่งของการได้มากินอาหารดีๆกับเพื่อนดีๆ

วันนี้ผมมีความสุข

ปล. ขณะนี้ที่ผมกำลังพิมพ์ตัวอักษรตัว”นี้”ขึ้นมาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เลขบริเวณมุมล่างขวาของหน้าจอบอกกลับมาว่า เวลาได้ล่วงเลยมาถึง 2:57 ของวันใหม่แล้ว…