“แล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง”
“อย่างแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณครัาบ/ค้า…”
สิ้นเสียงคำแนะนำจากกรรมการท่านสุดท้าย ผมเดินออกมาจากจุดนำเสนออย่างมาดมั่น ความรู้สึกบอก อยากจะชูกำปั้นขึ้นไปพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง มันผ่านไปอย่างสมบูรณ์แบบ… เราชนะแล้ว
นี้…คือความรู้สึกที่ผมไม่มีวันลืมได้เลย
โครงการกรุงไทย ยุววาณิช เป็นโครงการประกวดโครงงานธุรกิจระดับมัธยมตอนปลาย ซึ่งชมรมวิชาการนักเรียนสาธิตเกษตรของเรา ส่งโครงการค่ายสาธิต คิดสร้างสรรค์ครั้งที่2 ไปประกวด
…วันนั้น… ผมดีใจมาก ตั้งแต่ได้รู้ว่า ด้วยฝีมือการเขียนรายงานของเหล่ารุ่นพี่ ทำให้ค่ายสาธิต คิดสร้างสรรค์ครั้งที่2 ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายจาก 1305 ทีมทั่วประเทศ และ จะได้รางวัลมาแน่นอนอย่างน้อย 2 แสนบาทเลยทีเดียว
แต่ศึกครั้งต่อไปนี้ ใหญ่หลวงยิ่งนัก!
การนำเสนอโครงการค่าย ต่อหน้ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จะเป็นตัวตัดสินพวกเรา
และเราต้องการผู้เสนอ 3 คน
เนื้อหา และวิธีการนำเสนอ เริ่มต้นร่างขึ้นมา แล้วมองหาบุคคลที่เหมาะสม และบางทีก็เล็งใครที่เข้าท่า แล้วจึงหาวิธีการนำเสนอที่เข้ากับเขาคนนั้น
ด้วยคุณลักษณะที่เหมาะสมของผู้นำเสนอ แม้ผมรู้ตัวเองว่าอยากทำ เสียงในใจก็บอกกลับมาว่า งานใหญ่แบบนี้คงเสี่ยงเกินไปสำหรับผม
การคัดเลือกนั้น เริ่มต้นด้วยตัวเลือกที่มากมาย ค่อยๆคัดหาคนที่ผ่านเกณฑ์ บางคนไม่เหมาะตรงนั้น ไม่เหมาะตรงนี้ บางคนไม่สะดวกใจที่จะทำ… จึงต้องหาคนอื่นมาแทนที่ กลับไปกลับมา
ลงท้ายแล้ว เมื่อวันที่พี่นัทโทรศัพท์มาถามว่า okไหมถ้าจะเป็นคนนำเสนอ
ความเสี่ยงที่ผมกังวลก็กลายเป็นประเด็นรองไปเสีย เรื่องไม่มีเวลาทำการบ้านยิ่งไม่ต้องนึกถึง ผมคิด หากเขาวางใจพอที่จะมาถามผมแบบนี้แล้ว โอกาสที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ผมไม่มีทางทิ้งมันไป…
“ถ้าบอกมา ผมก็พร้อมจะทำอยู่แล้วครับ”
การซ้อมบทของเรา3คน – รตา พี่โม ผม – เริ่มต้นตั้งแต่…
วันอาทิตย์ที่ 10 ตกเย็นก็ซ้อมต่อที่บ้านพี่ป่าน และผมค้างคืนที่นั้น ปรับบทใหม่เพื่อความกระชับจนถึงตี 2 แล้วไม่ไหวให้พี่ป่านทำต่อ
วันจันทร์ ปรับบทเสร็จสิ้น
วันอังคาร ผมโดดเรียนอาจารย์จิ อัดVDOนำเสนอ และซ้อมบทต่อไป กลับถึงบ้านตอน 4 ทุ่มครึ่ง
วันพุธ ผม แก้ว โอ๊ต และน็อต ทำหัว Kupo! จนถึง 1ทุ่มโดยมีพี่ป่านคอยดูแล แล้วซ้อมบทกับรตาทางโทรศัพท์ประมาณ 1 ชม.ตอนดึก ในวันนี้บทของเราได้ถูกปรับเปลี่ยนไปอีกประมาณ 3 รอบ
วันพฤหัส ผมโดด รด. เดินทางไปตึกธนาคารกรุงไทยที่สุดแห่งความอลังการ และซ้อมบทต่อไป ไสลด์ประกอบที่ทำด้วยFlashโดยพี่นัทนั้นทำเสร็จไปเกินครึ่งแล้ว ผมและรตาตัดสินใจค้างคืนต่อที่แมนชั่นเพื่อจะได้มีเวลาซ้อมบทกับพี่โมตอนกลางคืน วันนี้ผมได้ทานPizza Hut กับอาจารย์สุมาลีด้วย ตกกลางคืนเราพบว่าบทต้องมีการปรับอีกมากเลยทีเดียว ผมกับพี่โมวางแผนว่าเราจะใส่ส่วนที่ต้องเพิ่มเติมตรงไหนอย่างไร และเข้านอนตอนตี 1
วันศุกร์แล้ว… วันนี้เป็นวันจริงที่เราต้องนำเสนอ หากแต่บทนั้นยังไม่เสร็จ เมื่อเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปลงทะเบียน ทานอาหารเช้า แล้วไปช่วยจัดนิทรรศการจนถึง 9 โมงครึ่ง เวลาที่จะต้องนำเสนอคือตอนบ่ายโมงแล้ว เราต่างรู้สึกว่ามันไม่พร้อมเอาซะเลย บทยังไม่สมบูรณ์ ท่องยังไม่คล่อง อย่างไรก็ตามเรา3คนลงมือเขียนบทที่เพิ่มเติมและซ้อมโดยทันที
อาจารย์ดารณีมาฟังการนำเสนอที่ยังกระท่อนกระแท่นตอน 11โมงครึ่ง และให้คำแนะนำเพิ่มเติม เกี่ยวกับเนื้อหา มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย…
เหลือเวลาอีก ชั่วโมงครึ่ง… เราซ้อมกันต่ออีก ก่อนจะถึงเวลาจริง เพื่อให้มีความมั่นใจมากขึ้น โดยไม่สนว่าจะทำให้เหนื่อยก่อนถึงเวลาจริงหรือไม่ รตากับพี่โมเริ่มตื่นเต้นด้วยความที่รู้ตัวว่าไม่พร้อมอย่างที่มันควรจะเป็น แต่…ผมไม่ได้คิดแบบนั้น
จบการซ้อมรอบที่ 3 …บ่ายโมงแล้ว
ทุกคนเดินเข้าไปที่ห้องสำหรับนำเสนอ
รตานั้นตื่นเต้นจนร้องไห้เลย พี่โมก็ตื่นเต้นมาก ทุกคนพยายามบอกให้ใจเย็นๆและไม่ตื่นเต้น แต่กลับผมไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกว่าเราทำได้ อย่างแน่นอน…
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
มันเป็นความสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆจากการซ้อมครั้งไหนติดมาเลย เมื่อนำเสนอเสร็จ ผมยิ้มแป้นในใจ และเตรียมพร้อมรับการยิงคำถามจากคณะกรรมการ แต่ผิดคาด! สิ่งที่ได้จากกรรมการคือ คำแนะนำต่างๆที่จะต่อยอดขึ้นไป และคำบอกพร้อมจะเป็นผู้สนับสนุน กรรมการใหญ่ตบท้ายด้วยคำว่า “ทีมนี้ สุดยอด”
เมื่อเสร็จสิ้น และเข้าในห้องพัก แทบทุกคนร้องเย้ และกอดกัน ผมรู้สึกดีใจจริงๆ ดีใจจนล้นใจที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีอย่างมหัศจรรย์ บรรยากาศที่ทุกคนแสดงความยินดีต่อกันแบบจริงใจ และจริงจังแบบนี้ คงเป็นอะไรที่พบเจอได้ยาก ถ้าขาดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ …ผมเองก็ซึ้งจริงๆนะครับ
เหนื่อยแล้ว… อาการปวดหัวที่จริงเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ระหว่างนำเสนอ ผมรู้สึกหมดแรง คงเป็นเพราะพลังงานทั้งหมดถูกทุ่มลงไปในช่วงเวลา 30 นาทีสำคัญนั้น แต่ก็ยังคงเดินตามกลุ่มไปเลี้ยงฉลองล่วงหน้าการประกาศผล กว่าทุกคนเราจะมาลงเอยกันที่ Pizza Hut ก็ต้องเดินขึ้นลงตึกเพลินจิตพลาซ่าโดยที่ไม่ทำอะไร เดินตากฝนอยู่พักหนึ่ง ผมกินอิ่มแล้วก็ฟุบนอนไปพอตื่นขึ้นมาก็เดินอิ่มกลับโดยไม่ต้องเสียสตางค์
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเวลาประกาศรางวัล แม้จะรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยมหลังการนำเสนอ แต่ผมเองก็พยายามเผื่อใจเอาไว้อยู่ตลอดเวลาป้องกันอาการผิดหวังที่มันให้แต่ความเสียใจ
พิธีกรจะประกาศรางวัลชมเชย 8 รางวัล และค่อยประกาศรางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล
“รางวัลชมเชย รางวัลที่ 1…” ผมจับมือกับพี่นัทและรตาที่นั่งอยู่ข้างๆกัน “ได้แก่……”
รู้สึกโล่งใจที่ไม่ใช่โรงเรียนสาธิตเกษตร
“รางวัลที่ 2… ที่3… ที่4… ที่5…” ทุกๆครั้งผมจะลุ้นสุดตัว แล้วก็โล่งใจสุดใจหลังประกาศว่ารางวัลชมเชยไม่ใช่ของเรา
“6… 7…” ถึงวินาทีสำคัญแล้ว ต่อไปเป็นรางวัลชมเชยรางวัลสุดท้าย ถ้าไม่ใช่ทีมเราก็แสดงว่าเราจะได้รางวัลชนะเลิศ!!
“รางวัลชมเชย รางวัลที่8 ได้แก่….” นี้เป็นวินาทีที่ผมยังจำได้ชัดเจน ผมนึกภาพทุกภาพที่ทุ่มลงไปกับงานนี้
แล้วน้ำตา…ก็ซึมออกมา…
ผมรู้ตัวว่าผมเป็นแค่เปลือก
แม้ว่า การนำเสนอจะออกมาดีเท่าไหร่ การที่ได้รางวัลชนะเลิศนั้น คงผิดถนัดว่าถ้าคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะผู้นำเสนอ
การนำเสนอ เป็นเพียงปัจจัยสุดท้าย ของรางวัลชนะเลิศ
ทุกๆอย่างที่มาถึงตอนนี้ได้ เพราะแรงของทุกๆคน รุ่นพี่ เพื่อนๆ รุ่นน้อง
พี่นัท คือบุคคลสำคัญที่ทำให้เราเข้ารอบมาถึง ผมอยากจะคารวะ 20 จอก
แต่ถึงอย่างไร เป็นธรรมชาติเวลาใครที่ทุ่มเทกับสิ่งๆไหน ใจก็จะไปอยู่กับสิ่งนั้นด้วย
ผมก็เช่นกัน ใจของผมอยู่กับงานนี้อย่างเต็มหัวใจ
“ผู้ชนะเลิศธุรกิจด้านบริการ ได้แก่ ค่ายสาธิต คิดสร้างสรรค์ โรงเรียนสาธิตเกษตร”
ก็คงไม่มีอะไร แทนความดีใจนี้ได้ มันคือความสุข ความสุขที่สุขล้น…
หลังจากนั้นก็คือบรรยากาศแห่งความยินดีปรีดา เราบอกต่อทุกๆคน ความสุขนั้นแพร่กระจายออกไป รตาคึกคักพูดไม่หยุด แต่ผมเหนื่อยเกินกว่าจะพูดตลอดเวลา ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บ แล้วเราก็เดินทางกลับ ผมเดาว่าทุกคนคงเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีกนาน
หลังจากนี้ คนก็จะรู้จักชมรมวิชาการนักเรียนสาธิตเกษตรหรือ Cubic Creative มากขึ้น คนจะสนใจว่า นักเรียนกลุ่มนี้คือใครกันหนอ… มันเป็นสัจธรรม ถ้าคุณไม่ประสบความสำเร็จ ไม่หล่อ ไม่สวย ดูอัธยาศัยไม่ดี ก็ไม่มีใครสนใจจะรู้จักคุณ
ผมขอขอบคุณ อาจารย์ดารณี อาจารย์สุมาลี อาจารย์ประวิทย์ พี่นัท พี่ชยุตม์ พี่ปิง พี่ป่าน พี่โม พี่กิ๊ฟ และรุ่นพี่ทุกๆคน ขอบคุณ รตา แก้ว ปราณ โอ๊ต knot เตี้ย และเพื่อนๆทุกคน ขอบคุณรุ่นน้องทุกคน ขอบคุณโรงเรียน ขอบคุณพ่อแม่ที่เข้าใจ ขอบคุณทุกๆคำนี้ เมื่อผมเขียนถึงใคร ผมหยุดและนึกถึงเขาคนนั้น ผมขอขอบคุณจากใจจริงครับ ทุกคน
ความรู้สึกที่ดีจากทำงานแบบนี้…
“แล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง… ไหมนะ”
ปล. แปลกใจจริง ตอนเห็นแมงมุมตัวใหญ่วิ่งออกมาจากปราสาทโดมิโน พร้อมถุงไข่ข้างในซึ่งบรรจุลูกไว้เต็มพิกัดนับร้อย
ปล.2 ผมขอโทษทุกคนที่เสียดายหัว Kupo! ที่ทำกันมาใช้เวลาถึง 3 วัน แค่ผมคิดว่ามีโอกาสน้อยจะตายไปที่จะได้ทำอะไรให้โรงเรียนต่างจังหวัด เลยให้เขาไป ครั้งหน้าอย่าปล่อยให้ผมทำคนเดียวเลย ทำอีกไม่กี่วันก็ได้ อีกหัวแล้ว…
ปล.3 จากงานนี้ก็ทำให้รู้ว่า เมื่อผมขาดน้ำตาลจะทำให้สมรรถภาพในการคิด การตอบสนองต่ำลง สามารถแก้ได้โดยกินของหวาน เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ ครึ่งชม.ก็จะดีขึ้น