ชะลอทัศนคติ

เมื่อคืนผมฝันร้ายติดหัว เลยเอามาเขียนต่อเป็นเรื่อง (ไม่ผีครับ)

=======

ผมกำลังนั่งอยู่โต๊ะเก้าอี้นักเรียน ข้างหน้ามีกระดานดำ ข้างๆ มีเพื่อนร่วมชั้น
รู้ตัวอีกทีผมก็กลับไปเป็นอยู่ ม.ปลาย อีกครั้ง
วิชาคาบถัดไปชื่อวิชา “แนะทัศนคติ” ซึ่งเดิมก็คือวิชาแนะแนว
แต่เมื่อปีก่อนทางกระทรวงศึกษาก็ได้มีนโยบายลงมาให้เปลี่ยนชื่อวิชา
หลายๆ อย่างถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มถูกปกครองด้วยรัฐบาล คสช. เมื่อสี่ปีที่แล้ว

อาจารย์วิชาแนะทัศนคติเป็น อาจารย์สาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน
ในช่วงกีฬาสีก็ยังถือว่าสวยกว่าเชียร์ลีดเดอร์
อาจารย์คนนี้เป็นอาจารย์ใหม่ ซึ่งผมเข้าใจว่าทางรัฐบาลน่าจะส่งเข้ามาสอนวิชานี่โดยเฉพาะ

คาบเรียนกำลังจะเริ่ม เพื่อนๆ ก็คุยกันสัพเพเหระตามปกติ
แต่เพื่อนบางคนนั่งเงียบอาจเพราะเต้นตื่น เนื่องจากคาบนี้จะเป็นคาบแรกที่เริ่มมีการนำเสนอหน้าห้อง
ห้าคนแรกเรียงตามเลขที่ประจำชั้นจะต้องออกมาพูดหน้าห้องในหัวข้อ “ความรู้สึกของฉัน ในสังคมคืนความสุข”
โดยสามารถแต่งกลอน เพลง หรือสุนทรพจน์ ตามแต่ความถนัดของนักเรียน
ความคิดเห็นที่ “ดี” ถูกคัดเลือกไป แปะที่บอร์ดประจำระดับ

พูดถึงเรื่องนี้ก็มีเรื่องเล่า มีรุ่นพี่คนนึงเป็นคนเรียนเก่งมากจนเป็นที่รู้กันมาถึงรุ่นผม
ว่ากันว่า ในวิชาแนะทัศนคตินี้ รุ่นพี่คนนี้ได้แต่งสุนทรพจน์ที่ปลุกจิตสำนึกรักชาติได้อย่างจับใจ
จนอาจารย์เล็งเห็นว่า ควรนำไปเผยแพร่หน้าเสาธงเป็นกรณีพิเศษ ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนหลังเคารพธงชาติ

เช้าวันนั้นเป็นวันในตำนาน เมื่อถึงเวลา รุ่นพี่คนนี้เดินขึ้นหน้าเสาธง คลี่บทพูดขึ้นมาเพื่อเริ่มอ่าน
ขณะนั้นเอง พี่เขาก็พลิกกับใบกระดาษกลับหน้าเป็นหลัง
จากสุนทรพจน์หนึ่งหน้ากระดาษ ก็กลายเป็นประโยคสามประโยคที่ทำให้ทุกคนตะลึงไปทั้งโรงเรียน
มันคือความรู้สึกต้องห้าม ที่ใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่สามารถพูดออกมาได้ในประเทศนี่

ไม่มีใครรู้มาก่อนว่า นี่คือรุ่นพี่คนนี้มีความคิดแบบนี้และวางแผนเอาไว้แต่ต้นเพื่อแสดงสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นทางโรงเรียนบอกว่า รุ่นพี่คนนั้นได้รับการ “ชะลอทัศนคติ” เป็นเวลาหนึ่งเทอมซึ่งทำให้อดสอบเข้ามหาวิทยาลัยไป
แต่เอาเข้าจริงๆ ปรากฏว่าไม่มีใครติดต่อพี่เค้าได้อีกเลย

คาบเรียนเริ่มไปซักพักแล้ว
“…และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมดิฉันจึงเชื่อว่า นี่คือสังคมที่กระตุ้นให้พลเมือง
ได้ทำตามหน้าที่และศีลธรรมเพื่อประเทศไทยอันที่เป็นรักของเรา ขอบคุณค่ะ” เพื่อนคนที่สองพูดเสร็จ เราก็ปรบมือ
อาจารย์สาวสวยดูพอใจกับการนำเสนอ “คนต่อไปค่ะ” อาจารย์พูด

เพื่อนเลขที่สามก็เดินออกมาหน้าห้อง พร้อมกับถือกรอบรูปใหญ่กรอบนึงออกมาแนบไว้ข้างตัว
หลังจากพร้อม “สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาพูดในหัวข้อ ความรู้สึกของผม ในสังคมคืนความสุข”
นั้นจากเขาก็ค่อยๆ ยกรูปขึ้นเหนือหัว ในรูปเป็นผู้ชายรุ่นลุงธรรมดาคนนึง ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นรูปพ่อของเขา
“…”
“…”
ไม่มีเสียงใครพูด มีเพียงความเงียบ เป็นเวลานาน
จากที่ง่วงๆ ผมก็หายง่วงเลย นี่ถือเป็นการนำเสนอที่แปลกใหม่ดี
นี้เป็นครั้งแรกในตั้งแต่อยู่โรงเรียนมาที่”คนพูดหน้าชั้น”ตั้งใจมาเงียบ
ผมเหลือบไปมองเพื่อนข้างๆ แล้วก็เห็นว่าเรากำลังงงพร้อมๆ กัน
เขาอาจจะพยายามบอกว่า รู้สึกสงบสุขภายใต้สังคมนี้
“…”
“…”

ความสงบเงียบงันนี้กลับทำให้เกิดมวลความอึดอัดบางอย่างในห้อง
เพื่อนๆ เริ่มทนไม่ไหว แอบซุบซิบและหยิบมือถือมาแชทคุยกัน
ทันใดนั้น เพื่อนเลขที่สามวางกรอบรูปลง ยิ้มเล็กน้อย
“ผมมีความสุขจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ขอบคุณครับ”
จบการนำเสนอ จนเพื่อนเลขที่สามเดินกลับที่นั่ง คนในทั้งค่อยเข้าใจว่าควรเริ่มปรบมือ
อาจารย์แนะทัศนคติมองเพื่อนคนนี้พร้อมรอยยิ้มและสายตาที่ผมเดาไม่ถูก

“คนต่อไปค่ะ” อาจารย์คนสวยพูด ค่อยๆ มองมาทางผม
และเราก็ประสานสายตากัน

Leave a comment