ก้าวร้าว หลังก้าวออกโรง

มันเหมือนกับ The Lord of The Ring
นั้นคือ ผมไม่เข้าใจ
ว่ามันสนุกตรงไหน! ดียังไง!! นเรศวร!!!
หรือผมไม่รักชาติพอ ไม่เข้าใจจริงๆ

แม้ว่าหลังจากเดินออกมาจากโรงจะมีอะไรให้จับผิดทางเทคนิคและเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ไม่น้อยก็ตาม
แม้ว่า พระสุพรรณกัลยาตอนโตเป็นสาว จะหน้าแก่ประมาณ 40 ก็ตาม
แม้จะมีบทพูดที่ไม่เมคเซนส์เอาซะเลย บ้างก็ตามที
แต่ที่ทำให้ผมอยากจะตายไปเลยก็ คือ กราฟความรู้สึกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แทบติดแกน x
ก็เหมือนกับ ได้เพียงนั่งมอง ภาพที่เคลื่อนไหวได้ ติดต่อกัน 3 ชั่วโมงเท่านั้นแล

เราดูหนังไปเพื่ออะไรครับ!
เพื่อความรู้ประวัติศาสตร์อันเต็มเปี่ยม
เพื่อความอลังการที่ โอ้โห มันจ่ายหนักน่าดูเลยเว้ย
หรอ?

ถ้าหนังเรื่องไหน ดูแล้วไม่กระทบความรู้สึก(ซึ้ง เศร้า มันส์ ฮึกเหิม ท้อแท้ สุข อิ่มเอม xxx) ผมไม่อยากจะเรียกว่าเป็นหนังเลยให้ตาย
 
เอาหล่ะ ประเด็นที่สำคัญกว่าคือ ไหนๆหนังเรื่องนี้ก็จงใจให้เรารักชาติ (อย่างน้อยก็ หนึ่งในจุดประสงค์หนึ่งหล่ะ)
สิ่งที่ผมไม่ชอบเลยก็คือ การรักชาตินี้มันตั้งอยู่บนความเกลียดศัตรู
“พิษณุโลก กับ อโยธยา เป็นสยามด้วยกัน ทำไมถึงทำแบบนี้…”
แล้ว พม่าแม่งไม่ใช่คนด้วยกัน รึไงไอ้บ้าเอ้ย จะเกลียดกันไปทำสบู่รึไง
เซ็ง!
วิธีการแบบนี้มันต่างยังไงกับ นาซี วะ
เบื่อโว้ย!
เขียนต่อไม่ได้แล้ว! พอ!

ปล. ผมบรรจงตอบ comment ไว้ใน blog เก่า 2 อันคือ “ลังเลกับความไม่สิ้นสุด” แล้วก็ “เหตุผลหนึ่งที่ทำให้อยากมีชีวิตต่อไป”  อยากให้ไปช่วยอ่านครับ แหะๆ คิดเห็นยังไงก็คุยกันต่อในนั้น มันน่าจะมีประโยชน์มากกว่า อะไรที่ผมเขียนมาทั้งหมดข้างบนในblogนี้!