ถ่ายโฆษณาครั้งแรก

เกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา มีโทรศัพท์มาบอกว่า อยากให้ไปถ้ายโฆษณาให้ที่ SCG เพราะตอนฝึกงานเราไปทำฝายกับเค้า
ผมปฏิเสธไปเพราะว่า งานเยอะ มีโปรเจค 2 งานซ้อนกันอยู่
ซักพักก็มีพี่อีกคนโทรมาบอกตื้อ บอกว่าเนี่ยเค้าต้องการผมเลยนะ บวกกับบอกค่าตัวมาให้ ผมก็อึ้งๆ เลยตัดสินใจลองดูซักครั้งละกันในชีวิต
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการถ่ายโฆษณาครั้งนี้ครับ

พี่คนดูแล

ทีมงาน casting เป็นคนที่ฮามาก
คนนึงเป็นหัวสกินเฮด แว่นหนาเตอะ ไม่ค่อยชอบใส่เสื้อผ้า และเป็นกะเทย
คนนึงเป็นผู้หญิง ถ้าไม่รู้จักอาจนึกว่าเป็นโก๊ะตี๋
พี่เค้าคุยกัน ตลกสุดๆ ทำให้น้องๆ สนุกไปด้วย
และส่วนใหญ่คุยกันแทบไม่เคยพ้นเรื่องเหนือสะดือซักที

เพื่อนนักแสดง

เพื่อนที่ถ่ายมีด้วยกัน 7 คน
ผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 2 คน
ในนี้มีคนหน้าตาดี 1 คน – -”
อยู่จุฬาเรียนวิดวะอุตสาหการ ผมยอมรับว่าเค้าหล่อมาก
มีผู้หญิงอีกคนนึง ยิ้มตลอด เรียนธรณีวิทยา(เพราะได้ทุน chevron)
คนนี้เค้าพาเพื่อนมาอยู่ด้วยเพราะพ่อแม่เป็นห่วง เพื่อนเค้าเสียสละมากเลย มาอยู่เฉยๆ ยอมโดดเรียนตั้งหลายวัน
อีก 4 คนเรียน ม.กรุงเทพ และ เอแบค อย่างละ 2
คู่หู ม.กรุงเทพ เรียนนิเทศน์ ดูเป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ หน้าตาบ่งบอก
สามารถต่อมุกเสื่อมๆ กับพี่ casting ได้ฮามาก
แต่ผ่านไป 2 วันก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมพวกนี้มันเล่นกันเสื่อมจริง
มีน้องเอแบคเป็นลูกคุณหนูหน่อยๆ
สรุปว่า แต่ละคนคุยกันโอเคดี แต่คิดว่าหลังถ่ายจบก็ไม่ได้เจอกันและคุยกันอีก

การถ่ายทำ

การมางานครั้งนี้ทำให้ผมได้เห็นการถ่ายทำโฆษณา เป็นครั้งแรกในชีวิต
ผมคิดว่านี้เป็นโปรเจคที่ใหญ่พอสมควร
มีเครนสำหรับแพนกล้องจากที่สูง มีรางดอลลี่คล้ายรางรถไฟสำหรับแพนกล้องไปทางข้างๆ
อุปกรณ์ที่ดูอลังการนี้ ทั้งหมดถูกขนเข้าป่า
ที่ทางเข้ากว้างแค่ 1 คนเดิน
เขาย้ายของกันเก่งจริงๆ
มีทีมงานมากมายประมาณ 40 คน เช่น
คอนวอยหรือคนยกของ
ฝ่ายเครื่องดื่ม คอยทำกาแฟให้คนอื่นๆ (สุดยอดมาก ขนกาน้ำมาต้มในป่า)
ทีมทำควัน คนวัดแสง คนคอยทำเหงื่อปลอม (ตอนเค้ามาทำรู้สึกดีนิดหน่อน เหมือนมีคนดูแลประจำตัวคอยฉีดน้ำให้ อิอิ)
คนที่มีหน้าที่สำคัญๆ ที่เป็นศูนย์กลาง 2 คน ทำหน้าที่คล้ายผู้กำกับ (ผมไม่รู้ว่าจริงๆ คือคนไหน)
คนนึงจะดูแลเรื่องวิธีแพนกล้องเป้นหลัก หลายครั้งถือกล้องถ่ายเอง
อีกคนหนึ่งจะคอยดูภาพที่ออกมาผ่านหน้าจอ ที่ถ่ายออกมาแล้ว แล้ววิจารณ์อารมณ์และท่าทางนักแสดง เพื่อปรับเปลี่ยนต่างๆ คนนี้เป็นที่จริงเคยเป็นนักร้อง ชื่อมาม่าบลู ที่ร้องเพลง “ก็มีแต่ควาย ควาย ควายเท่านั้น…”
ดูเหมือนจะมีผู้ช่วยกำกับ อีกเหมือนกัน ส่วนพี่ฝ่าย casting ก็มีแนะนำใกล้ๆ ในบางครั้ง
ทุกครั้งที่จะเริ่มถ่าย ผู้กำกับจะพูด “ทุกคนเงียบนะครับ ครั้งนี้ถ่ายจริง stand by…   กล้อง…  ”   คนถือกล้องจะร้อง “ตื้ด!”  แล้วก็ “action!”
ตอนจบผู้กำกับจะพูด end หรือ cut    จะมีคนวิ่งออกมาถือตัวฉับๆ ขาวดำที่เราเห็นกันในหนัง มาหน้ากล้องแล้วมาว่า end slate
ประมาณนี้… โดยรวม ผมว่านี้เป็นทีมเวิร์กที่เจ๋ง

ระหว่างถ่ายโฆษณานี้ ผมไม่รู้สึกว่าต้วเองเป็นดาราเลย
เพราะนอกจากจะไม่มีบทพูดของตัวเองแล้ว  ยังเหนื่อยมาก
เสียดายเหมือนกันครับตอนแรกมีบทพูดอยู่ แต่อยู่ๆ ลูกค้าก็วิทยุมาหาผู้กำกับบอกว่าให้ตัดบทผมออก ไม่รู้เพราะพูดห่วยหรือเปล่า – -”
ที่เหนื่อยนี้มีสาเหตุหลักอยู่ 2 อย่าง
อย่างแรกทุกคนคงเดาได้ นั้นคือ ผู้กำกับมักจะให้แสดงซ้ำอยู่หลายเทค บางครั้งโอเคเพราะว่าเค้าบอกเหตุผลที่ให้แก้ แต่อีกหลายครั้งไม่รู้เป็นเพราะอะไรผู้กำกับคนนี้ชอบบอกว่า ดีครับๆ ขออีกครั้ง  …เลยไม่รู้ว่าตรูต้องทำอะไร ดีแล้วทำไมไม่เอาฟะ
สาเหตุที่ 2 นี้เป็นสาเหตุหลักอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้ผมไม่ได้รู้สึกว่า ค่าตัวที่ได้มาจะมากมายอะไร
เค้าให้เดินลุยป่า ในระดับความสมบุกสมบันมากกว่าตอนไปทำฝายจริง 8 เท่า
สถานที่ถ่ายทำลึกเข้าไปในป่าเกือบกิโล (พูดถึงก็ต้องนับถือทีมยกของอีกที)
เหล่านักแสดงซึ่งตอนแรกคงคิดว่ามาสบายๆ ต่างต้องเดินขึ้นลงเขา ที่ชันประมาณ 70 องศา ไม่รู้กี่รอบในบางฉาก
มีให้เดินลุยน้ำ ยกซุง ที่จริงมันไม่ลำบากมากนั้น แต่พอต้องมาทำอะไรซ้ำๆ แบบนี้ในสาเหตุข้อแรกทำให้ทำเหนื่อยมากๆ
พูดถึงเดินลุยน้ำ พี่เค้าให้ใส่รองเท้าผ้าใบโดยไม่มีถุงเท้า ทำให้หลังลงน้ำรู้สึกได้ว่ามีเศษอะไรยิบๆ เต็มไปหมดและเท้าชุ่มน้ำเหมือนเดินริมทะเลที่มันตื้นๆ
ระหว่างการเดินทางอันยาวนานผมก็คิดว่า กลัวเท้าเน่าจริง
ถอดรองเท้าออกมาปรากฏ ..เน่าจริง เอ้ย ไม่ใช่! ปรากฏว่าเท้าเหี่ยวแบบทุกอณูเลย

ลำปาง

สถานที่ถ่ายทำนี่ถือว่าชนบทพอสมควรนะผมว่า
ที่โรงเรียน อ.สามขา ในห้องน้ำมีแมลงอะไรก็ไม่รู้ ลักษณะลายๆ มีหนวดเหมือนกุ้งมากๆ ยาวเท่านิ้วผู้ใหญ่ เกาะอยู่ที่กระจก สยอง..
ผมได้เจอตะขาบที่ตัวกว้าง(ไม่รวมขา) เท่านิ้วโป้งผู้ใหญ่ ยาวเท่าแขนเด็กน้อย  สยองมาก…
แม้กระทั้งในเมือง เองก็เล็กๆ ครับ ถนนเล็กๆ รู้สึกเหมือนอยู่ในซอยวิภาวดี 64
มีประสบกาณ์แย่ๆ อย่างหนึ่งคือ ไปกินอาหารในตลาดแล้วมันไม่อร่อยเอามากๆ แต่แพงเหมือนหลอกขายคนเมือง
(ถ้าเป็นคู่หู ม.กรุงเทพ ก็จะบอกว่า ห่วยจนแทบไม่อยากขี้  พี่ก็จะเล่นต่อว่า เป็นเสนียดตูด)

สรุป

ผมว่ามาครั้งนี้ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรซักเรื่อง
แต่ได้เปิดประสบการณ์พอสมควร
ทำให้นึกภาพออกมาเวลาเค้าถ่ายทำงานใหญ่ๆ กันมันเป็นยังไง
ได้เจอกลุ่มในแบบที่ไม่คุ้นเคย พูดโน้นพูดนี้ ดูวุ่นวายตลอดเวลา – -” ดูไร้สาระเป็นบ้า แต่ก็ตลกมาก
แต่รู้ตัวเองเลยว่า ถึงจะได้โอกาส จะไม่ย่ำกรายเข้ามาสู่วงการนักแสดงหรือถ่ายภาพนิ่งเด็ดขาด
ต้องเป็นคนที่คอยทำตามคนอื่นพูด ซ้ำไปซ้ำมา มันน่าเบื่อมากๆ ครับ
จริงอยู่ที่มันคงจะมีความท้าทายอยู่ในตัว แต่มันไม่ความท้าทายรูปแบบที่ผมรู้สึกสนุกไปกับมันเลย ตรงกันข้ามผมคิดว่าไปทำโปรแกรมอะไรเจ๋งๆ ขึ้นมาดีกว่า

ข้อสรุปของบันทึกนี้คือ ไม่สนุกแต่ไม่เสียดาย

ปล. แต่คงไม่มีครั้งที่ 2 😛 (เพราะได้พอรับรู้ประสบการณ์แล้วไง)
ปล2. พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านไปทำงานโปรเจค ที่ค้างเต็มไปหมดแล้วเย่ๆๆๆ

25 thoughts on “ถ่ายโฆษณาครั้งแรก

  1. ว่าแต่ โฆษณานี่ มีฉาย ทาง TV รึป่าว หรือว่า เป็นเฉพาะ กลุ่มบริษัท

    • มีฉายออก TV อะ ของ SCG รอดูละกันไม่เกิน เดือน พย. โฆษณาเกี่ยวกับทำฝาย

    • โหพี่นัทเรื่องมากน้อยกว่าเยอะเลยครับ ที่นี่ทำเป็นสิบเทค

  2. ฮาตรง “ผมว่ามาครั้งนี้ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรซักเรื่อง” อะ 555
    ขอบคุณที่แชร์ให้ฟังจ้า 😀

  3. เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากๆเลยอ่ะ น่าจะมีภาพประกอบด้วยจัง

  4. เจ๋งดี ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง

    อย่างน้อยครั้งนี้อิ๊กก็ได้รู้แล้วว่าอิ๊กไม่ชอบอะไรเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง

  5. น่าสนใจมากครับ

    – อิ๊กบทเยอะรึเปล่าครับ?

    – แล้วตกลงทำไมคิดว่าเค้าถึงเลือกอิ๊กละครับ?

    – สาว ๆ ในกลุ่มที่ไปมีน่ารัก ๆ บ้างรึเปล่าฮะ?

    – เพิ่งสังเกตว่าเอนทรีนี้อิ๊กเขียนเป็น fragments ข้อความไม่ต่อเนื่องเป็น paragraph

    • บทผมก็ไม่เยอะนะครับ
      จะมีเด่นหน่อยแต่คือเป็นคนปิดท้ายโฆษณา(แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นหน้าหรือเปล่า – -“)

      ที่เค้าเลือกผม นี่เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ แต่เท่าที่รู้คือเค้าพยายามเลือกนักศึกษาที่เคยไปทำฝายมาจากหลากหลายมหาลัย แล้วก็หลากหลาย character ด้วย

      สาวๆ ไม่น่ารักจนน่าตกใจเลยครับ ฮา….

      ตอกแรกกะจะทำเป็น bullet ครับ
      เขียนตามที่นึกได้ ปรากฏว่ายาวเกิน เลยเอา bullet ทิ้งกลายเป็นแบบนี้

    • 70 องศานี่วัดจากแกนตั้งึึเปล่าครับ? (ถ้าวัดจากแกน x น่าจะถึงขึ้นปีนเขาแล้ว)

      อธิพจน์…ไม่ใช่อติพจน์หรือครับ?

Leave a reply to akara Cancel reply