บันทึกวันว่าง

รู้สึกดีอยู่ลึกๆ รู้สึกได้รำลึกวันเดิมๆสมัย ม.3 ทำบ่อยๆ
ผมชอบวันของการเอ้อระเหยลอยชายมากๆเลยครับ

วันนี้ตื่นขึ้นมาตอน บ่าย2 แล้วก็อ่านหนังสืออ่านเล่น อ่านเรื่องที่ค่อนข้างมีสาระจนไม่เหมือนหนังสืออ่านเล่นเลย 555 มันชื่อว่า “โลกร่วมสมัย – ตอบคำถามคนรุ่นใหม่” ที่ยืมมาจากรตา เป็นหนังสือที่ดีนะครับ ก็คือหนังสือเล่มนี้พยายามอธิบาย “เวทีโลก” ร่วมสมัยนั้นเอง ซึ่งเค้าก็ได้ให้พื้นหลังเหตุการณ์ร่วมสมัยนี้มาด้วยตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 16 และมันเริ่มเน้นตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

อ่านจนตกเย็น

เปิดคอมพิวเตอร์มาเรื่อยเปื่อย ลองใช้โปรแกรมในชุด Studio8 กลับไปอ่านหนังสือต่อ ไปๆมาๆ เอาไพ่มาฝึกร่อนเป็นครั้งแรกที่บ้าน คุยกับพี่… ระหว่างทำทุกอย่างนี้ มีการกินประกอบไปด้วย

สรุปง่ายๆ ผมทำตัวแสนสบายเหมือนไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ท่ามกลาง หมอกควันของการบ้านแสนทึบทึม ที่บดบังการเตรียมตัวสอบปลายภาคอยู่นั้นเอง 555

คือ…ผมต้องการการฟื้นฟูตัวเองหง่ะ  หากให้หาคำมาอ้าง คงต้องบอกไปแบบนั้น  สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงสัปดาห์ที่ผมหลับในห้องเรียนบ่อยมาก จนเสียการเรียนไปคาบแล้วคาบเล่า… รู้สึกเหมือนกับพลังงานในร่างกายมันกลวงๆ เหมือนต้องการการพักผ่อนแบบเต็มสตรีม แหะๆ

นึกๆไป คงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กมัธยม 6 ที่จะรู้สึกเหนื่อย  โดยเฉพาะคนที่กำลังวิ่งตามความฝันที่ดูไม่ง่ายนัก (และก็หวังว่ามันจะไม่ยากเกินเอื้อม)

ผมเอง ไม่รู้ว่าเค้าเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร เพราะผมไม่ได้อยู่ในจำนวนคนเหล่านี้  ผมคิดว่า ผมเป็นคนที่หวังแค่ในเรื่องใกล้ๆตัว ไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้มีจุดหมายที่ยาวไกล

แต่สำหรับเค้าเหล่านั้น ผู้ซึ่งอาจเป็นเพื่อนๆในระดับ ม.6 ของผมเองหรืออาจเป็นคนอื่นๆที่ผมแคร์  หากว่ารู้สึกเหนื่อย รู้สึกเหมือนถูกกดดัน และทุกข์ใจอยู่  ผมขอยกเนื้อเพลงหลายท่อนนี้ให้

 “เดินขึ้นภูเขา ใช่มองแต่จุดหมาย
 เมฆหมอกดอกไม้ก็ใกล้กัน
 สิ่งที่สวยงาม เกิดขึ้นทุกวัน
 สำคัญที่เราได้หันไปมองดู

ชีวิตไม่เคยมีทางตัน
 มันอยู่ตรงจะเห็นเป็นมุมใด
 ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
 สุขมันอยู่ข้างในทุกตัวคน”

เพลงนี้ชื่อว่า “แง่งาม” แต่งเนื้อโดยประภาส ชลศรานนท์ ผมชอบมาก ใครลองหาจากอินเตอร์เน็ตฟังดู
ประภาสเป็นคนที่แต่งเพลงที่ใช้คำง่ายๆให้เป็นบทกวี
ชีวิตเราคนหนึ่งนั้นสามารถเปรียบได้เหมือนเส้น (ตามคอนเซปท์ของ Zentralise) ตัวเราเป็นจุดที่เดินไปตามเส้นทางชีวิตเส้นนี้ และมีจุดมุ่งหมายแห่งความฝันที่กำหนดว่าจะต้องเดินทางไปให้ถึง

ผมเชื่อ  การมุ่งไปสู่จุดหมายเป็นสิ่งที่ดี แต่ “ระหว่างทาง” นั้นสำคัญไม่แพ้กัน
ถ้าเราละสายตาจาก จุดมุ่งหมายมาบ้าง คงจะพบกับความสุขที่อยู่ใกล้ตัว
ในหนึ่งชีวิต เราพบเจอ “ระหว่างทาง” มากกว่า “จุดมุ่งหมาย” เสมอ

วันนี้เป็นวันที่ว่างสบาย…
และตอนนี้ผมรู้สึกง่วงมาก…
ส่วนก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกเหงา…
ที่จริงแล้วผมเหงาบ่อยๆ

บางครั้งการเขียนอะไรซักอย่างช่วยให้หายเหงาได้
ที่จริง ที่ผมเหงา ก็เพราะว่า…

เวลาว่าง…

เวลาที่รีบเร่งและยุ่งเหยิง

หลายครั้งมาแล้วผมมักจะถามตัวเองว่า ทำไมเวลาว่างของเรานั้นช่างมีน้อยเหลือเกิน  เกิดความรู้สึกอยากพักและเลิกจากทุกๆสิ่งที่สร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับตัวเอง

แต่ทุกๆครั้งก็ต้องกลับมาฉุกคิดเสมอว่า ตัวเราเองไม่ใช่หรือที่มัวนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ทั้งวัน แล้วมารู้ตัวอีกทีว่า วันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยอยู่หลายๆวันและหลายๆคืน

เวลานั้นว่างพร้อมอยู่เสมอ

ตัวเราเองที่จะต้องจัดเวลา เรียบเรียงความสำคัญของสิ่งต่างๆแล้วใส่ลงไปในช่องว่างนั้นๆ และต้องมีวินัยพอที่จะทำตามที่คิดไว้ เพราะเราไม่มีทางแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทิ้งเวลาไป อย่างมากก็ได้เพียงบรรเทาปัญหานั้นลงไป

สำหรับช่วงเวลาอีก 1ปีการศึกษาที่กำลังจะเข้ามาใหม่ คงเป็นเวลาที่ต้องเหนื่อยอยู่มากเนื่องจากภาระหน้าที่ต่างๆ  แม้จะเป็นงานที่เต็มใจและสนุกที่จะทำแต่ผมก็คงต้องพยายามจัดเวลาให้ดีมากๆเพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนแบบนี้

เวลาแบบนี้เป็นเวลาที่รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด เพราะไม่ต้องทำงานอะไร Blogนี้ก็เกิดเลยกำเนิดขึ้นมา การเขียนBlogครั้งนี้ถือเป็นการเขียนเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมเลยทีเดียว(ดูยิ่งใหญ่ไหม)

ปล. ผมเปลี่ยนแว่นใหม่(อีก)แล้ว และสุขสันต์วันแรงงาน